Secret2Rich

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

หลักการซื้อขาย Forex เบื้องต้น




หลักการซื้อขาย Forex เบื้องต้น
เริ่มแรกเลยให้ท่านเลือกสกุลเงินที่ต้องการเทรด และทำการวิเคราะห์ว่าราคาในอนาคตจะเป็นอย่างไร
  •   ถ้าท่านคิดว่าราคาในอนาคตจะมากกว่าราคาปัจจุบัน ให้ท่านทำการซื้อ (buy)
  •    ถ้าท่านคิดว่าราคาในอนาคตจะน้อยกว่าราคาปัจจุบัน ให้ท่านทำการขาย (sell)


Pip

หน่วยของราคาในสกุลเงินต่างๆเราจะเรียกว่า Pip ซึ่ง Pip คือจำนวนจุดที่น้อยที่สุดของคู่เงินนั้นๆ
  •   ตัวอย่าง ราคาของคู่ EUR/USD มีทศนิยม 4 จุด เช่น 1.1162 เพราะฉะนั้น 1 pip ก็จะมีค่าเท่ากับ 0.0001 ถ้าราคาวิ่งจาก 1.1162 ไป 1.1172 หมายความว่าราคามีการวิ่งไป 10 pip 
  •   ตัวอย่าง ราคาของคู่ GBP/USD มีทศนิยม 4 จุด เช่น 1.5727 เพราะฉะนั้น 1 pip ก็จะมีค่าเท่ากับ 0.0001 ถ้าราคาวิ่งจาก 1.5727 ไป 1.5737 หมายความว่าราคามีการวิ่งไป 10 pip


ราคา Bid & Ask
ในการเทรด Forex แต่ละสกุลเงินจะมีราคาแสดงอยู่ 2 ราคาด้วยกัน คือราคา Bid และ ราคา Ask เราสามารถดูราคานี้ได้ในโปรแกรมเทรด cTrader ดังรูป

  • เวลาเราทำการเปิดออเดอร์ซื้อ (buy) เราจะได้ที่ราคา Ask ส่วนเวลาปิดออเดอร์จะได้ที่ราคา Bid
  • เวลาเราทำการเปิดออเดอร์ขาย (sell) เราจะได้ที่ราคา Bid ส่วนเวลาปิดออเดอร์จะได้ที่ราคา Bid


สามารถดูค่า Bid และ Ask จากบนกราฟได้





Spread
Spread คือผลต่างของราคา Bid และ ราคา Ask




  •   จากรูป ราคา Bid ของ EUR/USDเป็น 1.1162 ราคา Ask เป็น 1.1174 ดังนั้น Spread เท่ากับผลต่างของ 2 ค่านี้คือ 0.0012 หรือ 12 pip 
  •   ซึ่ง Spread ก็เปรียบเสมือนกับค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์ที่คิดกับเรานั่นเอง ยิ่งน้อยยิ่งดี

Lot
ขนาดของสัญญาที่เราทำการซื้อขายกันนั้นเรียกว่า lot  ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะเทรดที่ lot เท่าไหร่ในช่อง Quantity ของโปรแกรม cTrader ดังรูป






โดยถ้าเราใส่จำนวน Lot มาก เวลาราคามีการขึ้นหรือลง เราก็จะได้กำไรหรือขาดทุนเพิ่มขึ้นไปด้วยเช่นกัน          

   

Margin
Margin เปรียบเสมือนกับค่ามัดจำที่เราต้องใช้ในการเปิดออเดอร์แต่ละครั้ง และก็จะเพิ่มกลับเข้าไปในบัญชีเหมือนเดิมเมื่อทำการปิดออเดอร์ ยิ่งใส่จำนวน lot ในการเปิดออเดอร์มากเท่าไหร่ จำนวน Margin ที่ใช้ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น

แล้ว Margin มีความสำคัญอย่างไร?
ถ้าท่านไม่คอยดูค่า Margin ให้ดี ออเดอร์ของท่านอาจจะถูกปิดอัตโนมัติได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อท่านมีการเปิดออเดอร์ ในโปรแกรม MT4 จะมีค่าแสดงให้ท่านดูดังนี้




  •   Balance แสดงยอดเงินที่ยังไม่รวมกำไรหรือขาดทุนของออเดอร์ที่กำลังเปิดอยู่
  •  Equity แสดงยอดเงินที่รวมกำไรหรือขาดทุนของออเดอร์ที่กำลังเปิดอยู่
  •   Margin แสดงจำนวน Margin ทั้งหมดที่ใช้ไปในการเปิดออเดอร์
  •   Free Margin มีค่าเท่ากับ Equity - Margin
  •   Margin Level มีค่าเท่ากับ Equity / Margin * 100 

ซึ่งแต่ละโบรกเกอร์ก็จะมีเงื่อนไขไว้อยู่ว่า ถ้า Margin Level เหลือน้อยกว่าค่าใดออเดอร์จะถูกปิดอัตโนมัติ ค่านี้เรียกว่า Stop Out Level นั่นหมายความว่าออเดอร์จะมีโอกาสถูกปิดอัตโนมัติเมื่อ
  •   ท่านเปิดออเดอร์โดยใส่ lot มากเกินไป ทำให้ Margin Level เหลือน้อย (จากสูตร Margin Level = Equity / Margin * 100)ยิ่ง Margin มาก Margin Level ยิ่งน้อย 
  •   ท่านขาดทุนมากเกินไปทำให้ Equity เหลือน้อย (ยิ่ง Equity น้อย Margin level ยิ่งน้อย)  
 
Leverage
                ความหมายง่ายๆของ เลเวอเรจ (Leverage) คือ จำนวนเปอร์เซ็นต์ที่ได้ยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อทำการเปิดออเดอร์เทรด ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณซื้อ 100 หุ้นในตลาดหุ้นโดยที่ราคาหุ้นละ 10 $ ต่อหุ้น คุณต้องใช้เงิน $1000 เพื่อเปิดการเทรด บางโบรกเกอร์ให้คุณยืมเงินเพื่อเทรดสูงถึง 50-80% ของมูลค่าหุ้นทั้งหมด แทนที่คุณจะใช้เงิน $1000 แต่คุณกลับใช้แค่ $500 เท่านั้น เพื่อทำการเทรด สิ่งนี้แหละที่ทำให้เทรดเดอร์สามารถซื้อหุ้นได้มาก โดยใช้เงินเท่าเดิม อย่างไรก็ตามทางโบรกเกอร์ก็จะชาร์จกำไรจากการยืมของคุณ หลักการนี้ก็นำมาใช้กับตลาดForex
               

                แต่โบรกเกอร์Forexให้คุณยืมถึง 99% ของทั้งหมดเพื่อให้คุณเปิดการเทรดและคุณก็ใช้มันเพียงแค่ 1% เท่านั้น ถ้าคุณต้องการเทรด $1000 คุณใช้มันเพียงแค่ $10 นี่คือความแตกต่างระหว่างตลาดหุ้นและตลาดForex และตลาดForex ไม่ชาร์จกำไรจากการยืมของคุณด้วย

                หลายๆคนอาจจะงง เรามาดูกันครับ ว่า Leverage ที่โบรกเกอร์Forexได้กำหนดไว้มีเท่าไรบ้าง
โดยส่วนมากโบรกเกอร์จะกำหนด Leverage ตั้งแต่
Leverage             
1:1
1:2
1:10
1:100
1:200
1:400
1:500
1:1000 เฉพาะบางโบรกเกอร์ เท่านั้น และโบรกเกอร์ Secret2Rich ของเราจะให้ Leverage อยู่ที่ 1:200

ตัวอย่างการเทรดที่ Leverage 1:100
สมมติว่าต้องการซื้อ EUR ที่ 100 units จะใช้เงิน 1 units เท่านั้นเพื่อซื้อ EUR 100 units  ถ้าซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.2750  เมื่อราคาขึ้นไปถึง 1.2800 ผลต่างของราคาเท่ากับ 50 pips  เมื่อพอใจแล้ว ก็ทำการขาย ได้กำไร 50 pips
ตัวอย่างการคำนวณ จากหัวข้อ เรื่อง Pips และ Lot 
(pip value / ราคาที่คุณปิด ) คูณด้วย Unit ที่คุณทำการ Buy Sell =(0.001/1.2800)*100=$0.39
หรืออาจจะคิดแบบนี้ สมมติว่า ต้องการซื้อ EUR ที่อัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบัน EUR/USD =1.2750 เป็นจำนวน $100  เราจึงใช้เงิน $1 จากบัญชีเป็น Leverage 1:100 ดังนั้นต้องยืมโบรกเกอร์อีก $99  เมื่อซื้อแล้ว จะได้ EUR มา 78.43 Euro และเมื่อราคาขึ้นไป 1.2800 ได้กำไร 50 pips ตัดสินใจขายยูโร ที่ซื้อมา จะได้ 78.43*1.2800=$100.39   นี่คือกำไร
$100.39  แต่ได้ยืมโบรกเกอร์มา 99 $ ทางโบรกเกอร์จะหักเงินอัตโนมัติ แล้วที่เหลือก็คือ $1.39 สรุปคือ ถ้าได้กำไรมา $0.39 จากการเทรดเงิน $1 เมื่อราคาเคลื่อนที่ 50 pips
แต่ปัจจุบันนี้ ทางโบรกเกอร์กำหนดให้เราแล้ว ว่า ถ้าราคาเคลื่อนที่ไป 1 pip ถ้าเราซื้อ $1 เราจะได้ $0.01 ดังนั้นจากตัวอย่างข้างบน ได้มา 50 pips จะได้เงิน $0.50

Use Margin คือ จำนวนเงินที่เราใช้เทรดในแต่ละครั้ง

ความสัมพันธ์ระหว่าง Lot , Leverage  และ Use Margin
ประเภทของบัญชีในการเทรด Forex จะมีอยู่หลายประเภท แต่ที่หลักๆ ที่ใช้กันคือมีสามประเภทคือ
1.Standard Account
2.Mini Account
3.Micro Account
เทียบความสัมพันธ์ระหว่าง Lot , Leverage และ Use Margin ของ บัญชี Standard นะครับ
Leverage
ความต้องการเทรด
Use Margin
1:100
1 lot(100,000$)
1000$
1:200
1 lot(100,000$)
500$
1:400
1 lot(100,000$)
250$

                การเทรด 1 Lot คือ การใช้ Use Margin $1000 เพื่อที่จะเทรด Forex โดยใช้ Leverage 1:100  หมายความว่า คุณต้องมีเงินในบัญชีเทรด Forex มากกว่า $1000 คุณจึงจะเทรดที่ 1 Lot ได้ และการเปลี่ยนแปลงต่อจุด ถ้าราคาเคลื่อนที่ไป 1 pips จะเท่ากับ $10 เพราะฉะนั้น ถ้าคุณมีเงินแค่ $1000 แล้วคุณปล่อยให้ลบ 100 pips บัญชีของคุณก็จะโดน Margin Call ทันที ถ้าคุณไม่มี Margin โบรกเกอร์ก็จะตัดทันที
Leverage 1:200 สิ่งที่แตกต่างของ Leverage 1:200 คือ จำนวนเงินที่ใช้เทรด Use Margin จะน้อยกว่า 1:100 แต่ การเปลี่ยนแปลงต่อ 1 pip เท่ากับ $10 เหมือนกัน
ไม่ว่าคุณจะเล่นที่ Leverage เท่าไร การเปลี่ยนแปลงต่อ 1 pips ก็ยังคงเท่าเดิม
Cr. http://thaiforexschool.com/index.php?topic=10.0
Swap
Swap คือดอกเบี้ยที่เราจะได้หรือเสียไปเมื่อเราทำการเปิดออเดอร์ทิ้งไว้ข้ามคืน (ข้ามเวลาเที่ยงคืนบนกราฟ)
  •   ค่า Swap ของแต่ละสกุลเงินสามารถเข้าไปดูได้ที่ cTrader -> เลือกสกุลเงินที่ต้องการดู -> คลิกที่ icon information


  •   Swap long แสดงค่า Swap สำหรับออเดอร์ buy และ Swap short แสดงค่า Swap สำหรับออเดอร์ sell
  •   ค่า Swap เป็นบวกจะหมายความว่าเราจะได้กำไรเมื่อเปิดออเดอร์ทิ้งไว้ข้ามคืน ถ้าค่า Swap เป็นลบจะหมายความว่าเราจะขาดทุนเมื่อเปิดออเดอร์ทิ้งไว้ข้ามคืน
  •   คืนวันเสาร์และอาทิตย์ไม่มีการคิดค่า Swap
  •  คืนวันพุธจะคิดค่า Swap เป็น 3 เท่าของค่า Swap ปกติ







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น